Skip to Content

ลดค่าใช้จ่ายด้วย SCADA ทำได้จริงไหม?

April 18, 2025 by
ลดค่าใช้จ่ายด้วย SCADA ทำได้จริงไหม?
IO Tech, sivakorn.m

ทำไม SCADA ถึงกลายเป็นตัวช่วยลดต้นทุนที่ธุรกิจอุตสาหกรรมต้องมี?

ในยุคที่ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งค่าแรง ค่าไฟฟ้า และค่าบำรุงรักษาเครื่องจักร ระบบ SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วย “ลดค่าใช้จ่าย” ในโรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการควบคุม ตรวจสอบ และวิเคราะห์กระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์ ช่วยให้องค์กรตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว

บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่า SCADA ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้อย่างไร พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริงที่เห็นผลลัพธ์ชัดเจน


SCADA คืออะไร?

SCADA (Supervisory Control and Data Acquisition) คือระบบควบคุมและจัดการข้อมูล ที่สามารถแสดงสถานะของเครื่องจักรและกระบวนการผลิตในรูปแบบกราฟิก หรือ Dashboard แบบเรียลไทม์

หน้าที่ของ SCADA ประกอบด้วย:

  • ควบคุม (Control): สั่งการเครื่องจักร/อุปกรณ์ต่าง ๆ ได้จากศูนย์กลาง
  • ตรวจสอบ (Monitor): ดูสถานะและประสิทธิภาพการทำงานของระบบ
  • จัดเก็บข้อมูล (Data Logging): บันทึกข้อมูลเพื่อใช้วิเคราะห์ย้อนหลัง


7 วิธีที่ SCADA ช่วยลดค่าใช้จ่ายในโรงงาน 

1.ลด Downtime – หยุดเครื่องน้อยลง กำไรมากขึ้น

Downtime หรือเวลาที่เครื่องจักรหยุดทำงานโดยไม่ได้วางแผน ถือเป็นต้นทุนแฝงที่หนักที่สุดของโรงงาน หลายแห่งต้องสูญเสียยอดผลิตมูลค่าหลายแสนบาทต่อวันเพราะไม่รู้ว่าเครื่องเสียเมื่อไหร่

SCADA เข้ามาแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการ:

  • ตรวจจับค่าผิดปกติ เช่น อุณหภูมิสูงกว่าปกติ, ความดันตก, สัญญาณเตือนจาก PLC
  • ส่งแจ้งเตือนผ่านระบบอัตโนมัติไปยังวิศวกรหรือหัวหน้างานทันที
  • ทำให้สามารถซ่อมแซมเชิงรุก (Preventive) ก่อนเครื่องเสียจริง

ผลลัพธ์ที่ได้: ลดความถี่และระยะเวลาการหยุดเครื่อง — แปลว่าผลิตได้ต่อเนื่อง และลดค่าใช้จ่ายจากการซ่อมด่วนที่มักมีค่าแรงและอะไหล่แพงกว่า

2.ลดค่าไฟฟ้า – ควบคุมพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

ค่าไฟเป็นต้นทุนหลักในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะโรงงานที่มีมอเตอร์ขนาดใหญ่, ระบบทำความเย็น, หรือเตาอบไฟฟ้า

SCADA ช่วยลดค่าไฟด้วยวิธี:

  • เชื่อมกับ Power Meter เพื่อดูโหลดแบบเรียลไทม์
  • วิเคราะห์พฤติกรรมการใช้ไฟของเครื่องจักร
  • ตั้งแจ้งเตือนเมื่อใช้ไฟเกินค่ามาตรฐาน หรือเกิดโหลดพีค

นอกจากนี้ยังสามารถตั้งเวลาเปิด-ปิดอุปกรณ์ตามรอบการผลิตโดยอัตโนมัติ

ผลลัพธ์ที่ได้: ลดการใช้พลังงานที่เกินจำเป็น / ลดค่าไฟเฉลี่ยรายเดือน / ลดภาระ Demand Charge

3.ลดค่าซ่อมบำรุง – ซ่อมก่อนเสียจริง

เมื่อเครื่องจักรเสื่อมสภาพ แต่ไม่มีการตรวจสอบล่วงหน้า ก็จะเกิด Breakdown ที่ต้องซ่อมฉุกเฉิน

SCADA จึงเข้ามา:

  • บันทึกค่าต่าง ๆ เช่น แรงดัน, ความเร็วรอบ, อุณหภูมิ, สั่นสะเทือน
  • ใช้แนวโน้มจากข้อมูลในการแจ้งเตือนล่วงหน้า
  • ช่วยเปลี่ยนแผนการบำรุงรักษาแบบเดิม (ซ่อมตามรอบเวลา) เป็นแบบ Condition-based หรือ Predictive Maintenance

ผลลัพธ์ที่ได้: ลดค่าใช้จ่ายฉุกเฉิน / ลดการเปลี่ยนอะไหล่โดยไม่จำเป็น / ยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์

4.ลดของเสียจากการผลิต (Reduce Waste & Scrap)

การผลิตที่ไม่แม่นยำ เช่น เวลาต้มที่ไม่คงที่ หรือความดันไม่สม่ำเสมอ สามารถนำไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ได้คุณภาพ หรือแม้แต่ต้องทิ้งทั้งหมด

SCADA เข้ามาช่วยด้วยการ:

  • ตรวจสอบค่าพารามิเตอร์สำคัญของกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์
  • แจ้งเตือนเมื่อค่าออกนอกเกณฑ์ที่กำหนด
  • เก็บข้อมูลย้อนหลังเพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของของเสีย

ผลลัพธ์ที่ได้: ลดวัตถุดิบสูญเปล่า / ลดเวลาและแรงงานในการผลิตซ้ำ / เพิ่มสัดส่วนของผลิตภัณฑ์ที่ผ่านคุณภาพ

5.ลดค่าแรง – ลดจำนวนคนที่ต้องอยู่หน้างาน

SCADA รวมการควบคุมเครื่องจักรไว้ในจุดเดียว ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานไปเปิด-ปิดหรือเก็บข้อมูลจากหน้างานด้วยมือ

ช่วยได้ในเรื่อง:

  • การรวมศูนย์ควบคุม (Centralized Control)
  • ลดจำนวนคนต่อกะ
  • เพิ่มความปลอดภัยเพราะไม่ต้องให้คนเข้าโซนอันตราย

ผลลัพธ์ที่ได้: ลดค่าแรงงาน / เพิ่มประสิทธิภาพต่อคน / รองรับการผลิตแบบต่อเนื่องโดยใช้คนจำนวนน้อย

6.เพิ่มประสิทธิภาพการวิเคราะห์ข้อมูล – ตัดสินใจจากข้อมูลจริง

การตัดสินใจในโรงงานไม่ควรอิงจากความรู้สึก แต่ควรใช้ข้อมูลจริงในการวิเคราะห์

SCADA ช่วยด้วย:

  • การเก็บข้อมูลย้อนหลังแบบอัตโนมัติ (Data Logging)
  • การสร้างรายงาน (Report) แบบรายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน
  • การแสดงแนวโน้มในกราฟหรือ Dashboard ที่อ่านง่าย

ผลลัพธ์ที่ได้: ลดการตัดสินใจผิดพลาด / วางแผนบำรุงรักษาและผลิตได้แม่นยำขึ้น / เพิ่ม ROI จากการปรับปรุงที่ตรงจุด

7.รองรับการทำงานระยะไกล – ลดค่าเดินทางและค่าใช้จ่ายแฝง

ในยุค Digital Transformation หลายองค์กรต้องการให้ผู้บริหาร วิศวกร หรือทีมซัพพอร์ตสามารถดูสถานะจากที่ไหนก็ได้

SCADA ที่รองรับ Web Access หรือ Mobile View ช่วยให้:

  • วิศวกรดูสถานะเครื่องจักรจากบ้าน หรือระหว่างเดินทาง
  • หัวหน้างานอนุมัติการสั่งการระยะไกล
  • ลดความจำเป็นในการเดินทางเข้าหน้างานโดยไม่จำเป็น

ผลลัพธ์ที่ได้: ลดค่าใช้จ่ายด้านเดินทาง / เพิ่มความเร็วในการตอบสนองต่อปัญหา / ทำงานแบบ Remote ได้สะดวก

ตัวอย่างจริง: โรงงาน A ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ปีละกว่า 1 ล้านบาทหลังติดตั้ง SCADA

หลังจากติดตั้งระบบ SCADA เชื่อมต่อกับ Power Meter และ Sensor ประมาณ 20 จุด โรงงานสามารถลดพลังงานไฟฟ้าได้มากถึง 18% ภายใน 6 เดือน พร้อมทั้งลดการหยุดเครื่องอย่างกะทันหันลงกว่า 40% และลดเวลาการซ่อมเครื่องเฉลี่ยจาก 4 ชั่วโมง เหลือเพียง 45 นาที

สรุป: การลงทุนใน SCADA คือการลดต้นทุนอย่างยั่งยืน

การใช้ ระบบ SCADA ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือ “กลยุทธ์” ในการบริหารจัดการต้นทุนการผลิตให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งในด้านพลังงาน แรงงาน การซ่อมบำรุง และคุณภาพผลิตภัณฑ์

ขอคำปรึกษาเพื่อเลือกระบบที่เหมาะกับโรงงานของคุณ

ทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Appomax พร้อมให้คำปรึกษาฟรี!