ปัจจุบันโรงงานยังใช้กระดาษและ Excel ในการทำงานอยู่หรือไม่?
จากข้อมูลพบว่า 72% ของ Operator ในสายการผลิต ยังคงใช้กระดาษ กระดาน หรือ Excel ในการบันทึกข้อมูล ซึ่งอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาดและลดประสิทธิภาพในการทำงาน อย่างไรก็ตาม เราสามารถดึงข้อมูลประสิทธิภาพเหล่านี้ขึ้นมาเป็นดิจิทัลได้ เพื่อเพิ่มความแม่นยำและความรวดเร็วในการวิเคราะห์ข้อมูล
Appomax – ผู้นำด้าน Industrial IoT และ Digital Transformation
Appomax เป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้าน Industrial IoT (IIoT) และเป็น No-Code & Low-Code Application Platform สำหรับภาคอุตสาหกรรม ซึ่งผสมผสาน AI, Machine Learning และ Digital Transformation เพื่อช่วยให้โรงงานอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ Appomax ยังเป็น AWS Global ISV Partner และเป็นหนึ่งในสองบริษัทไทยที่มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายบน AWS Marketplace ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพของโซลูชันที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล
Key Takeaways: การปฏิวัติโรงงานด้วย Digital Transformation
1. แก้ Pain Points ของโรงงาน
โรงงานจำนวนมากยังต้องเผชิญกับปัญหาการใช้ กระดาษและ Excel ในการจัดการข้อมูลการผลิต ซึ่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ Digital System สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และลดข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการทำงานแบบ Manual
อย่างไรก็ตาม ระบบ MES (Manufacturing Execution System) แบบดั้งเดิมมักมีราคาสูงและใช้เวลาติดตั้งนาน แต่ด้วยแพลตฟอร์มแบบ Composable & No-Code โรงงานสามารถเริ่มต้นการปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป และใช้งานได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
2. No-Code & Low-Code: เปลี่ยนทุกคนให้เป็นนักพัฒนา
ระบบ No-Code & Low-Code เปิดโอกาสให้ Operator หรือผู้ที่มี Pain Points สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาทีมนักพัฒนา ทำให้การพัฒนาแอปพลิเคชันในโรงงานเกิดขึ้นได้รวดเร็วและยืดหยุ่นกว่าระบบเดิมที่ต้องใช้ทีม Developer มาช่วยพัฒนาและ Debug
ตัวอย่างเช่น แพลตฟอร์ม Tulip ที่สามารถสร้างและเปิดใช้งานแอปพลิเคชันแบบเรียลไทม์โดยไม่ต้องมีการ Coding ทำให้โรงงานสามารถปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานได้อย่างรวดเร็ว
3. AI และ Big Data – อนาคตของโรงงานอัจฉริยะ
แพลตฟอร์มดิจิทัลสมัยใหม่ไม่ใช่แค่ช่วยจัดการข้อมูล แต่ยังสามารถใช้ AI และ Big Data เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของการผลิต ได้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น:
- ใช้ AWS Bedrock วิเคราะห์ข้อมูลการผลิตแบบเรียลไทม์
- ใช้ Snowflake ในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่
- ใช้ AI ทำนายแนวโน้มและแจ้งเตือนเมื่อเกิดปัญหาในการผลิต
นี่เป็นแนวทางที่ช่วยให้โรงงานสามารถคาดการณ์ปัญหาได้ก่อนที่จะเกิดขึ้น ลดของเสีย และเพิ่ม Productivity อย่างมีประสิทธิภาพ
4. AWS Thailand Region: โครงสร้างพื้นฐาน Cloud ที่ปลอดภัยกว่า
ก่อนหน้านี้ หลายองค์กรอาจกังวลเรื่องการใช้ Cloud เนื่องจากไม่ต้องการให้ข้อมูลอยู่นอกประเทศ แต่ตอนนี้ AWS มีโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทยแล้ว ซึ่งหมายความว่าโรงงานสามารถใช้บริการ Cloud ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลเรื่อง Data Security
AWS Cloud มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงกว่าการตั้ง Server ภายในบริษัท เนื่องจากมีระบบป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์ที่แข็งแกร่ง ดังนั้น การใช้ Cloud ไม่เพียงแต่ปลอดภัยขึ้น แต่ยังช่วยลดภาระในการบริหารจัดการระบบไอทีภายในโรงงานอีกด้วย
เริ่มต้น Digital Transformation ได้อย่างไร?
1. ทดลองใช้งานฟรี
ยุคที่ต้องจ่ายเงินเพื่อทดลองใช้งานแพลตฟอร์มได้จบลงแล้ว คุณสามารถเริ่มทดลองใช้ได้ฟรี โดยไม่มีข้อผูกมัดและสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองผ่าน Tulip University ที่มีคอร์สออนไลน์ให้เรียนรู้ทุกฟังก์ชันของแพลตฟอร์ม
2. ใช้ Tulip Library เพื่อสร้างแอปพลิเคชันได้เร็วขึ้น
Tulip มี Library ที่รวม Best Practices และ Template พร้อมใช้งาน คุณสามารถ Copy & Develop เพื่อปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการของโรงงานของคุณได้อย่างรวดเร็ว
3. ใช้ AI ช่วยพัฒนาแอปพลิเคชัน
ในอนาคต AI จะสามารถช่วยสร้าง Template ของแอปพลิเคชัน เช่น Inventory Management ซึ่งสามารถนำไปปรับใช้ได้โดยไม่ต้องเริ่มจากศูนย์
4. ขอคำปรึกษาจาก Partner
หากคุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม ทีมงานของ Appomax และ Tulip พร้อมให้คำปรึกษาและสนับสนุนการใช้งาน ตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มต้นไปจนถึงการพัฒนาโซลูชันให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
สรุป: โรงงานอุตสาหกรรมต้องปรับตัวสู่ยุคดิจิทัล
การเปลี่ยนแปลงสู่ Digital Manufacturing ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ด้วย No-Code Platform, AI และ Big Data โรงงานสามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตได้อย่างรวดเร็ว ลดข้อผิดพลาด เพิ่ม Productivity และแข่งขันในตลาดได้ดียิ่งขึ้น
หากคุณสนใจเริ่มต้น Digital Transformation ติดต่อเราเพื่อทดลองใช้งานฟรีและก้าวเข้าสู่อนาคตของอุตสาหกรรม 4.0 ได้แล้ววันนี้!