5 เทคโนโลยี IIoT ที่กำลังเปลี่ยนโรงงานไทยในปี 2025
อัปเกรดโรงงานสู่ยุคเชื่อมต่อข้อมูลเต็มรูปแบบ
ในยุคที่ข้อมูลคือ “ทรัพยากรสำคัญ” ของโรงงาน ระบบควบคุมแบบเดิมที่ต้องรอรายงานหรือคนบันทึกอาจไม่เพียงพออีกต่อไป
การเปลี่ยนผ่านสู่ IIoT (Industrial Internet of Things) ช่วยให้โรงงานสามารถเชื่อมโยงทุกอุปกรณ์ เครื่องจักร และกระบวนการผลิต เข้ากับระบบดิจิทัลแบบเรียลไทม์ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และตัดสินใจจากข้อมูลจริง
นี่คือ 5 เทคโนโลยี IIoT ที่กำลังเปลี่ยนโรงงานไทยในปี 2025 พร้อม ตัวอย่างใช้งานจริง และ ผลลัพธ์ที่จับต้องได้
1. SCADA – ควบคุมและมอนิเตอร์เครื่องจักรจากศูนย์กลาง
SCADA ในยุค IIoT พัฒนาไปมากกว่าแค่ระบบควบคุม เพราะสามารถเชื่อมต่อข้อมูลจากเครื่องจักร Sensor และระบบพลังงานทั้งหมดแบบเรียลไทม์ แล้วส่งขึ้น Cloud หรือ Edge Platform เพื่อวิเคราะห์ต่อยอดได้ทันที
ตัวอย่างการใช้งาน:
โรงงานผลิตอาหารแห่งหนึ่งติดตั้ง SCADA เชื่อมกับอุปกรณ์ผ่าน IoT Gateway ข้อมูลการผลิตและพลังงานถูกแสดงบน Dashboard ส่วนกลาง ทำให้หัวหน้าฝ่ายผลิตสามารถสังเกตการหยุดชะงักของเครื่องจักร และตัดสินใจแก้ไขได้ภายในไม่กี่นาที
คุณจะได้รับ:
- เห็นข้อมูลทั้งหมดแบบรวมศูนย์
- ตรวจสอบสถานะและสั่งงานระยะไกล
- แจ้งเตือนเมื่อพบค่าผิดปกติแบบอัตโนมัติ
- รองรับการต่อยอดเข้าสู่ระบบ AI ได้ง่าย
2. MES – เชื่อมแผนการผลิตกับเครื่องจักรด้วย IIoT
MES ในยุค IIoT ไม่ได้เป็นแค่ระบบสั่งผลิตอีกต่อไป แต่คือระบบที่เชื่อมระหว่าง ERP ↔ หน้างาน ↔ เครื่องจักร โดยอิงจากข้อมูลจริงที่ไหลผ่าน Sensor และ Gateway เข้าสู่ระบบ
ตัวอย่างการใช้งาน:
โรงงานชิ้นส่วนยานยนต์แห่งหนึ่งนำ MES ของ Appomax เชื่อมกับ PLC บนสายการผลิตเพื่อดึงข้อมูลสถานะเครื่อง, เวลาทำงาน และจำนวนชิ้นงานที่ผลิตได้แบบ Real-time ทำให้สามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพรายเครื่องได้ทันที
คุณจะได้รับ:
- สั่งงานจากระบบกลาง → ไปยังเครื่องจักร
- วัดผลการผลิตเทียบกับแผนแบบอัตโนมัติ
- ระบุปัญหาและคอขวดในสายการผลิตได้เร็ว
- ช่วยปรับปรุง Lead Time และลด WIP
3. OEE – ประเมินประสิทธิภาพแบบอัตโนมัติจากข้อมูล IoT
OEE เมื่อจับคู่กับ IIoT จะเปลี่ยนจากระบบบันทึกแบบแมนนวล เป็นระบบที่สามารถ วัดผล OEE จาก PLC และ Sensor ได้อัตโนมัติ แบบ Real-time โดยไม่ต้องรอรายงานจากพนักงาน
ตัวอย่างการใช้งาน:
โรงงานบรรจุภัณฑ์ใช้เซนเซอร์ตรวจจับการนับชิ้นงานและเวลาการทำงานของเครื่องจักร แล้วส่งข้อมูลเข้าสู่ OEE Dashboard ซึ่งจะแสดงค่าของ A (Availability), P (Performance) และ Q (Quality) แบบอัตโนมัติ พร้อมเปรียบเทียบกับ KPI เป้าหมาย
คุณจะได้รับ:
- รู้ OEE ของแต่ละเครื่องทันที
- แจ้งเตือนเมื่อค่า OEE ลดลงกว่ามาตรฐาน
- ปรับปรุงประสิทธิภาพได้แบบมีข้อมูลรองรับ
- เชื่อมโยงกับระบบซ่อมบำรุงเชิงคาดการณ์ได้
4. Smart Manufacturing System – เชื่อมทุกระบบโรงงานเข้าด้วยกันด้วย IIoT
Smart Manufacturing คือหัวใจของโรงงานยุคใหม่ที่ใช้ IIoT เชื่อมข้อมูลจากหลายระบบ เช่น SCADA, MES, Energy, Quality, Maintenance เข้าสู่ Platform กลาง ทำให้เกิด ภาพรวมของทั้งโรงงานแบบครบวงจร
ตัวอย่างการใช้งาน:
โรงงานผลิตสายไฟเชื่อมข้อมูลจาก 70 เครื่องจักร, 20 Power Meter และ 5 สถานีตรวจสอบคุณภาพ ผ่าน Edge Gateway ไปยัง Platform Appomax ที่รวบรวมและวิเคราะห์ทุกข้อมูล ทำให้ผู้บริหารสามารถวางแผนได้แม่นยำและลดการประชุมซ้ำซ้อนลง
คุณจะได้รับ:
- รวมทุกข้อมูลไว้ในที่เดียว
- ติดตามประสิทธิภาพและปัญหาแบบ Proactive
- ทำ Dashboard รายงานได้อัตโนมัติ
- วางรากฐานสู่ AI + Predictive Analytics
5. Energy Management – บริหารพลังงานด้วยข้อมูล IoT แบบเรียลไทม์
ระบบบริหารพลังงานที่ใช้ IIoT จะสามารถวัดพลังงานจากแต่ละอุปกรณ์, เครื่องจักร, หรือแผนกได้ทันที พร้อมแสดงกราฟ วิเคราะห์พฤติกรรม และส่งแจ้งเตือนเมื่อใช้พลังงานผิดปกติ
ตัวอย่างการใช้งาน:
โรงงานหล่อโลหะใช้ Power Meter ที่เชื่อมต่อผ่าน IIoT Gateway เพื่อเก็บข้อมูลพลังงานรายเครื่องแบบ Realtime เมื่อพบโหลดไฟฟ้าสูงเกินในบางช่วงเวลา ระบบจะแจ้งเตือนทันทีผ่าน LINE หรืออีเมล ทำให้ฝ่ายซ่อมบำรุงเข้าไปปรับตั้งค่าก่อนเกิดความเสียหาย
คุณจะได้รับ:
- ลดต้นทุนไฟฟ้า 10–20%
- มองเห็นการใช้พลังงานแยกรายโซน/เครื่อง
- วิเคราะห์แนวโน้ม และปรับโหลดได้ทันเวลา
- สนับสนุนการลดคาร์บอน และเข้าสู่ Green Factory
ถึงเวลาแล้วหรือยัง? ที่โรงงานของคุณจะเปลี่ยนด้วย IIoT
IIoT ไม่ใช่เทคโนโลยีสำหรับโรงงานขนาดใหญ่เท่านั้น แต่สามารถเริ่มต้นได้ง่าย และขยายระบบได้ตามขนาดธุรกิจของคุณ
Appomax พร้อมเป็นพาร์ทเนอร์เพื่อพัฒนาโรงงานของคุณสู่ Smart & Sustainable Manufacturing
📞 ติดต่อเราเพื่อขอรับคำปรึกษาฟรี หรือทดลองระบบ POC ได้แล้ววันนี้!